Sunday, October 19, 2014

ลัดเลาะรอบรั้วสเปน: Albarracín (อัลบาร์ราซิน), one of the most beautiful medieval village in Spain!





ว่ากันว่า Albarracín ได้รับการขนานนามให้เป็น หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน ซึ่งเมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ก็ต้องบอกเลยว่า ของเค้าดีสมคำร่ำลือจริงๆ!”  
อัลบาร์ราซินเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Teruel (เตรูเอล) แคว้น Aragón (อารากอน) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ตัวเมืองอัลบาร์ราซินได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น National Monument ของประเทศสเปนตั้งแต่ปี 1961 และกำลังอยู่ในขั้นตอนการเสนอชื่อเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก การเดินทางมาอัลบาร์ราซินในทริปนี้ เรา (ติ๊ดตี่กับเพื่อนสาวผู้ร่วมทริป) เริ่มออกสตาร์ทจากมาดริด โดยนั่งรถบัสของบริษัท Samar มาลงที่เตรูเอล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.ครึ่ง (8.30 - 13.00 น.) จากนั้น ต้องนั่งรถบัส (ซึ่งช่วงที่ไป) มีแค่รอบเดียวต่อวันเท่านั้นที่ออกจากเตรูเอล (14.40 น.)
 




Tourist Information (ที่แรก)ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักของเมือง


 
Tourist Information (จุดที่สอง) จุดนี้อยู่ในตัวเมืองเลย และเป็นจุด meeting point ของเรากับไกด์
 

เรามาถึงที่อัลบาร์ราซินเวลาประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ ซึ่งก็ถือว่าประจวบเหมาะ เพราะเราจองทัวร์เมือง+โบสถ์ประจำเมืองแบบมีไกด์รอบเวลาสี่โมงเย็นไว้ การจองทัวร์นี้ถือว่าไม่ได้เป็นไฟต์บังคับ แต่ไปกับทัวร์นี้ นอกจากจะมีไกด์คอยอธิบายประวัติความเป็นมาของเมืองและสถานที่สำคัญๆแล้ว ยังจะได้เข้าชมส่วนที่ไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าได้อีกด้วย (เช่นตัวปราสาท) ทัวร์แบบ official ที่ว่า คือทัวร์ของ Fundación Santa María de Albarracín ซึ่งควรจองล่วงหน้าซักนิด สนนราคาก็ไม่แพงเลย 2.5 ยูโรสำหรับ City Tour+Catedral และ 3 ยูโรสำหรับทัวร์ปราสาท (Castillo)

ชื่อเมือง Albarracín นั้นมาจากชื่อชนเผ่ามุสลิมกลุ่มหนึ่งชื่อ Ibn-Racin ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานหลังจากการเข้ามารุกรานคาบสมุทรไอบีเรียของมุสลิมราชวงศ์อุมัยยะห์ (Califato Omeya) อัลบาร์ราซินเคยมีสถานะเป็น Taifa มีกษัตริย์ปกครองตนเองนานกว่า 94 ปี จึงถูกควบรวมเข้ากับอาณาจักรบาเลนเซีย (Reino de Valencia)” 





ความว้าวววแรกที่มาถึงอัลบาร์ราซินคือ แนวกำแพงโบราณที่ทอดยาวจากสันเขาลงมายังเมืองอย่างกะกำแพงเมืองจีน! คือของจริงมันตระการตามาก คุณพระ! กำแพงนี้สร้างขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 โดยเป็นส่วนต่อเติมจากแนวกำแพงเมืองเดิมที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 10 เนื่องจากการขยายตัวของเมืองในสมัยนั้น จุดแรกที่เราไปเยี่ยมชมคือตัวโบสถ์ คุณไกด์ท้องถิ่นคิ้วเข้มหน้าแขกของเราก็อธิบายอย่างละเอียดลออ แต่อย่าถามว่าจำอะไรได้บ้างมั้ย ขอตอบเลยว่า จำได้น้อยมาก ฮ่าๆๆๆ ขณะนี้โบถส์กำลังปรับปรุงซ่อมแซมภายในอยู่ โดยปกติจึงไม่เปิดให้เข้าชม แต่เราเป็นกรณียกเว้น (เพราะซื้อทัวร์มาแล้วนี่นะ ฮ่าๆๆๆ)

 




กุญแจประตูโบถส์ เค้าใช้ไซส์นี้ไขกันจริงๆนะ เก๋มากกก
 
จากนั้นคุณไกด์ก็พาไปชมเมือง ลัดเลาะไปตามซอกซอยที่ทั้งคดเคี้ยว เป็นเนินขึ้นลง ซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างนึงของเมืองนี้เลยทีเดียว บ้านเรือนที่นี่มีเอกลักษณ์คือผนังจะทำจากปูนปลาสเตอร์สีแดง (yeso rojo) ที่พบได้มากในแถบหุบเขาบริเวณนี้ บ้านไหนไฮโซมีชาติตระกูลหน่อย ตรงบานประตูจะมีที่เคาะประตูทำเป็นรูปจิ้งเหลน เท่าที่เดินผ่านก็เห็นอยู่สามสี่บ้าน ดีไซน์จิ้งเหลนไม่ซ้ำกันซักบ้าน เก๋ไปอีกแบบ 




 

บ้านที่ถูกใจติ๊ดตี่ที่สุด คือ Casa de la Julianeta เป็นบ้านที่ตั้งอยู่ตรงทางแยกสองทางต่างระดับกันลดหลั่นกัน เห็นเล็กๆแบบนี้ คุณไกด์บอกว่าข้างในมีถึงสามชั้น หน้าต่างบานที่เราเห็นนั้น เป็นหน้าต่างห้องน้ำ ถ้าเข้าตำราไทย คงบอกว่า “มีส้วมอยู่หน้าบ้านแบบนี้ เหมือนมีลูกสาว” เอ๊ะ! มันไม่ใช่นิ่ ต้อง “มีลูกสาว เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน”! ฮ่าๆๆๆ  นอกเรื่องไปไกล กลับเข้ามาใหม่ //
 


 
Casa de la Julianeta



จากนั้น เรามีนัดไปทัวร์ตัวปราสาทตอนหกโมงเย็น ปราสาทที่ว่านี้ ตั้งอยู่ ณ จุดที่สูงที่สุดของเมืองและตั้งอยู่ตรงสุดปลายเนินเขา จากกำแพงปราสาทสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้สวยที่สุดมุมหนึ่ง การเข้าชมต้องซื้อตั๋วเข้าชมแบบมีไกด์เท่านั้น ภายในเหลือแต่ซากและร่องรอยให้พอสันนิษฐานได้ว่า ตรงไหนคืออะไร มีทางลับออกจากปราสาทตรงไหน
 







เสร็จจากทัวร์ปราสาท เป้าหมายของเราคือการเดินขึ้นไปอีกเขาหนึ่งเพื่อชมวิวเมืองแบบพาโนรามา ซึ่งจุดชมวิวที่ว่านี้อยู่นอกแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองด้วยซ้ำ แต่เราก็ไปสืบเสาะมาจนได้ว่ามันมี และจากมุมนี้จะสามารถมองเห็นเมืองได้สวยที่สุด จากเมืองเดินขึ้นเขาไปตามเส้นทางออกมาประมาณ 15-20 นาที ถ้าจะมาชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน ให้พกไฟฉายมาด้วย เพราะระหว่างทางไม่มีไฟฟ้านะจ๊ะ เราจะมาถึง Ermita de la Virgen del Carmen ช่วงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว บรรยากาศดีและวิวสวยมากกก จนรู้สึกดีใจที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง





ขณะที่นั่งอยู่ริมผาบนจุดชมวิว ก็คิดว่า เมืองแบบนี้มัน ไม่เหมือนที่อื่นในยุโรปนะ มันมีแต่ในสเปนจริงๆอ่ะ ” 




เรานั่งสูดอากาศ (หนาว) จนชุ่มปอด (และตัวเย็นยะเยือก) ดูพระจันทร์(เกือบ)เต็มดวงที่สวยที่สุด (เท่าที่ตัวเองเคยนั่งดูมาที่สเปน) และเก็บภาพเมืองแบบพาโนรามาจนย่ำค่ำแล้วจึงเดินกลับมาที่พักในเมือง จบทริปครึ่งวันในเมืองลับแลแห่งนี้!

โดยสรุปแล้ว อัลบาร์ราซินเป็นเมืองที่สวยแปลกตาอีกเมืองในสเปน ในบรรดาเมืองแปลกในธีมเดียวกันที่ส่วนตัวเคยไปมา อย่าง Ronda กับ Cuenca (เพราะมีลักษณะเป็นบ้านแขวน – casas colgadas – และสร้างบนเขาคล้ายกัน) ขอยกให้อัลบาร์ราซินขึ้นหิ้งคะแนนนำที่หนึ่งไปเลย! งานนี้ต้องขอบคุณระบบการจัดการผังเมืองและการบูรณปฏิสัง ขรณ์อาคารบ้านเรือนที่ดีมาก ที่ทำให้เมืองคงความสวยงาม บ้านเรือนมีระเบียบ ไม่สะเปะสะปะ ไม่หลุดธีมเมืองยุคกลาง บวกกับงานนี้ได้คุณไกด์คอยอธิบายเรื่องราวความเป็นมา ทำให้ไม่ได้ได้ดูแค่ตา แต่ได้เนื้อหามาด้วย (แม้จะจำไม่ค่อยได้ก็ตาม ฮ่าๆๆ) //


BUDGET: สำหรับการเดินทางโดยรถบัส ต้องตั้งต้นจากเมืองเตรูเอลก่อน โดยรถขามาอัลบาร์ราซินมีรอบบ่ายรอบเดียวเท่านั้น ส่วนขากลับมีตอน 8.55 ของวันรุ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องค้างที่เมืองหนึ่งคืน ค่าโดยสารประมาณ 3.80 ยูโรต่อเที่ยว เป็นของบริษัท Navarro / ส่วนค่าที่พักที่ Meson del Gallo ที่เราไปพักกันนั้น ตกคืนละ 35 ยูโรต่อห้อง เป็นห้องแบบเตียง Double ห้องน่ารักมาก และสภาพใหม่พอสมควร มีครัวซึ่งสามารถใช้อุ่นอาหารได้ ในกรณีที่พกอาหารมาเอง โดยจ่ายค่าใช้ครัวเพิ่มคนละ 1 ยูโรค่ะ

MUST SEE: วิวเมืองแบบพาโนรามาจาก Ermita de la Virgen del Carmen

 

Sunday, March 16, 2014

เที่ยวสเปน...ยังไงดี? 10 คำถามยอดฮิตของคนที่อยากไป! 10 FAQ about Spain!



สวัสดีค่ะทุกคน


Entry นี้ติ๊ดตี่ตั้งใจรวบรวมคำถามที่ได้รับจากหลายๆคนที่เขียนมาถามเรื่องการไปเที่ยวสเปน ทั้งคำถามยอดฮิตที่หลายๆคนสงสัย และคำถามที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆที่อยากจะมาเที่ยวสเปนด้วย

ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ไปดูคำถามแรกกันเลยดีกว่าค่ะ :) 

1.ไปเที่ยวมาดริดควรพักที่ไหน ที่ราคาถูกและดี?

ติ๊ดตี่ไม่ค่อยทราบเรื่องราคาที่พักในมาดริดเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าไม่เคยพักโรงแรมไหนในมาดริดเลยค่ะ เหมือนคนอยู่กรุงเทพก็ไม่ค่อยรู้ว่าโรงแรมไหนในกรุงเทพมันถูกหรือดีบ้าง อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ :)

เรื่องที่พักราคาถูกแนะนำให้ลองเสิร์ชดูในเวป www.booking.com หรือ www.hostelworld.com นะคะ มันเป็นเวปจองโรงแรมและโฮสเทล ในนั้นสามารถเลือกดูโรงแรมตามโซน ตามช่วงราคา ตามการรีวิว (รีวิวไว้ดีมาก-รีวิวไว้ไม่ดี) ได้เลยค่ะ คือ ข้อมูลในนี้เชื่อถือได้ แล้วก็ส่วนตัวใช้สองเวปนี้บ่อยๆเวลาหาโรงแรมที่พักในเมืองอื่นๆอ่ะค่ะ

ที่พอจะแนะนำคร่าวๆได้ก็คงจะเป็นในส่วนของโซนที่หาที่พักได้ง่าย มีให้เลือกเยอะ ใกล้จุดท่องเที่ยว ก็จะเป็นแถว Puerta del Sol, ถนน Gran Vía, Plaza de España นะคะ ที่พักเยอะมาก แล้วก็ราคามีตั้งแต่ถูก แบบโฮสเทลถึงแพงแบบโรงแรมห้าดาว เป็นย่านชอปปิ้ง ย่านร้านอาหาร โซนที่ควรหลีกเลี่ยงคือ แถวๆย่าน Latina, ย่าน Lavapiés (ย่านคนดำ คนแขก), Chueca (ย่านบาร์เกย์ ตอนกลางคืนอาจจะพลุกพล่าน และเสียงดังหน่อย แต่ตอนกลางวันมีร้านอาหารชิคๆหลายร้านเลยค่ะ) แล้วก็โซนทางใต้ของมาดริด (ย่านคนละติน คนดำ) แถวสถานีรถไฟ Atocha ก็มีที่พักอยู่พอสมควร แต่แถวนั้นจะค่อนข้างพลุกพล่านมากเหมือนกัน  

แนะนำให้อ่านรีวิวในเวปทั้งสองที่ที่ให้ไปเยอะๆค่ะ ทำการบ้านเยอะๆ ดูว่าเราชอบที่พักแบบไหน เอาอะไรเป็นตัวตั้ง เช่นบางคนอาจจะชอบแบบสะดวกๆ ติดสถานีรถไฟใต้ดิน บางคนอาจจะชอบแบบใกล้แหล่งชอปปิ้ง บางคนอาจจะเน้นความสงบ เงียบ ไม่ชอบคนพลุกพล่าน ก็แล้วแต่สไตล์การท่องเที่ยวของแต่ละคนค่ะ


2.มาดริดน่ากลัวมากมั้ย? ขโมยขโจรชุกชุมมั้ย? จะปลอดภัยมั้ย?

ใจเย็นๆก่อนค่ะ สเปนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะคะ ส่วนตัวคิดว่าจะไปอิตาลีหรือฝรั่งเศสก็น่ากลัวพอๆกันค่ะ ยังไงไปที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆ เราก็ต้องระวังตัวเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าให้เทียบกัน สถานีรถไฟใต้ดิน(metro)ในมาดริดสะอาด สว่าง และใหม่กว่าที่ปารีสกับโรมมากค่ะ ตามแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มีรถตำรวจประจำอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ เราอย่าไปพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มันเปลี่ยว มืด หรือลับตาผู้คน ให้มีสติ และระมัดระวังตัวนิดนึง ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ

- เวลาเที่ยวพยายามสะพายกระเป๋ามาไว้ข้างหน้า ศึกษาแผนที่มาดีดี พยายามเดินมั่นๆหน่อย

- เวลาเดินในสถานีรถไฟใต้ดิน เข้าออกตัวรถไฟก็จับกระเป๋าไว้ดีดีค่ะ สะพายมาข้างหน้าได้ยิ่งดี

- ถ้ามีคนเข้ามาคุยแปลกๆ หรือมายื่นอะไรให้ดู เช่นอยู่ๆมากางโบรชัวร์อะไรให้ดู แล้วดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ ให้เดินหนีออกมาเลยนะคะ เพราะช่วงที่เค้ากางโบรชัวร์ โบรชัวร์มันจะมาบังกระเป๋าเรา แล้วเค้าจะใช้จังหวะช่วงนั้นล้วงกระเป๋าค่ะ เพราะเราก็จะมัวแต่สนใจสิ่งที่เค้าให้เราดู

- ถ้ารู้สึกว่า เริ่มมีกลุ่มคนมาล้อมๆเวลายืนเลือกของ ให้ถอยออกมาก่อนดีกว่าค่ะ กันไว้ก่อน ส่วนใหญ่ดูจากการแต่งตัวไม่ได้นะคะ บางทีแต่งตัวเหมือนแม่บ้านธรรมดาๆ แต่มาเป็นแก๊งค์ล้วงกระเป๋าตามร้านเสื้อผ้าก็มีค่ะ โดยปกติตามร้านเสื้อผ้าดังๆทุกร้านเค้าก็จะมีรปภ.ประจำอยู่แล้วค่ะ

- แก๊งขโมยเกือบ 100 เปอร์เซนต์ไม่ใช่คนสเปนเลยค่ะ เป็นพวกโรมาเนีย แขกโมรอคโค อเมริกาใต้ พวกนี้จะฉวยโอกาสล้วงกระเป๋าเราช่วงคนเยอะๆ หรือเวลาที่เรายืนอ่านแผนที่ ยกกล้องมาถ่ายรูป หรือมัวแต่ชอปปิ้งเลือกดูของ ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวหน้าเอเชียจะเป็นจุดสนใจของมิจฉาชีพมากทีเดียวค่ะ

- คนที่เคยเจอขโมยส่วนใหญ่ จะมีการแต่งตัวที่ล่อตาล่อใจ คือ แต่งตัวเป็นนักท่องเที่ยวเต็มขั้นมาก คือ แต่งตัวเหมือนมาเดิน  แคทวอล์ก (ฮา) คือมาเต็มอ่ะค่ะ แต่งตัวดีมาก ถือกระเป๋าแบรนด์เนม ใช้กล้องใหญ่ๆ แนะนำว่าให้แต่งตัวให้ทะมัดทะแมงดีกว่าค่ะ ใช้กระเป๋าใบเล็กๆที่สะพายแนบกับตัวได้ พยายามเอากระเป๋ามาไว้ข้างหน้า คือจะแต่งสวยก็ได้ค่ะ ไม่ว่ากัน แค่ต้องพยายามอย่าประมาท คือ มันไม่ใช่ว่าจะมีขโมยมาคอยจ้องจะขโมยตลอดเวลา บางทีมันเป็นจังหวะและดวงค่ะ และถ้าจะไปเที่ยวไหน อยากให้ศึกษาแผนที่ หรือเส้นทางให้ดีดีก่อนที่จะออกจากโรงแรม จะได้ไม่ไปยืนงงข้างนอกนะคะ 

แต่ยังไงก็อย่ากังวลเกินไปจนเที่ยวไม่สนุกนะคะ สเปนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ 


3.ในมาดริด ถ้าไม่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะ มีพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ที่ไหนแนะนำบ้าง?

ในมาดริดมีพิพิธภัณฑ์ดีดีหลายที่เลยค่ะ แต่ที่ที่ส่วนตัวชอบมากและคิดว่าน่าสนใจ มีอยู่สามที่ค่ะ 


- ถ้าชอบดูโบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ของสเปนตั้งแต่ยุคเก่าๆเลยแนะนำให้ไปที่ National Archeological Museumหรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของเค้าค่ะ อยู่ใกล้ๆพอสมุดแห่งชาติ และติดกับถนน Serrano ถนนสายชอปปิ้งแบรนด์เนมของมมาดริด ที่นี่ปิดปรับปรุงมาสองปี จะเปิดให้เข้าชมปลายเดือนมีนาคมนี้ค่ะ (2014) ส่วนตัวชอบที่นี่มากๆ เพราะได้เห็นของจริงที่เคยท่องเอาไปสอบสมัยเรียน (ฮา) ของเก่าที่นี่เลอค่าจริงๆค่ะ ลองดูรายละเอียดในเวปนี้นะคะ http://www.spain.info/en/que-quieres/arte/museos/madrid/museo_arqueologico_nacional.html 

ถ้าสนใจเรื่องราวของอารยธรรมแอสเทค อินคา มายา ยุค pre-colombian หรือยุคก่อนที่สเปนจะเข้าไปครอบครองดินแดนแถบอเมริกาใต้ แนะนำให้ไปที่ Museum of the Americas ค่ะ ที่นั่นเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ที่ทำจากทองคำ มัมมี่ของชาวเผ่า และอีกหลายสิ่งมาก ที่สเปนไปขนเอามาจากประเทศอาณานิคมในสมัยนั้น เรียกว่า ไม่ต้องบินไปดูถึงอเมริกาใต้เลยค่ะ ลองดูรายละเอียดในเวปนี้นะคะ http://www.spain.info/en/que-quieres/arte/museos/madrid/museo_de_america.html

- ถ้าชอบเรื่องการเดินเรือ การค้นพบโลกใหม่ของโคลัมบัส ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเดินเรือของสเปนยุคล่าอาณานิคม แนะนำให้ไปที่ Naval Museum อยู่ใกล้ๆน้ำพุ Cibeles เลยค่ะ เค้าเก็บรวมรวมสิ่งของ เครื่องใช้ ส่วนประกอบของเรือสมัยโบราณ และเรือจำลองยุคต่างๆไว้อย่างครบถ้วน อ้อ ที่นี่ของจากเมืองไทยด้วยค่ะ ลองไปส่องดูได้ Smile ลองดูรายละเอียดในเวปนี้นะคะ http://www.spain.info/en/que-quieres/arte/museos/madrid/museo_naval.html
ทั้งสามที่มีเวป official ด้วยนะคะ แต่รู้สึกว่าเป็นภาษาสเปนล้วน ยังไงลองดูข้อมูลและพิกัดในเวปที่ให้ไปก่อนนะคะ


 4.ต้องจองตั๋วรถไฟที่ไหน? ตั๋วรถไฟมีกี่ประเภท?

จองได้ที่เวป official ของการรถไฟสเปนนะคะ  www.renfe.com ถ้าจองแต่เนิ่นๆจะได้ตั๋วราคาโปรโมชั่นค่ะ จะถูกกว่าปกติประมาณ 20-30% ค่ะ

เวลาเลือกซื้อตั๋ว ชั้นประหยัดจะใช้คำว่า Turista ส่วนชั้นหนึ่งไฮโซ จะเรียกว่า Preferente ค่ะ ถามว่ามันต่างกันมากมั้ย ชั้นปกตินี่ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็หรูแล้วค่ะ 555 ส่วนชั้น Preferente เก้าอี้จะกว้างขวางขึ้น ไม่แออัด มีบริการหนังสือพิมพ์ฟรี ห้องน้ำในโบกี้กว้างขวาง

เวลาจองตั๋ว เราจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบไหน ซึ่งในแต่ละชั้นตั๋ว ก็จะมีแยกราคายิบย่อยไปอีก คือถ้าเป็นแบบ Promo [P]คือ เป็นโปรโมชั่นราคาพิเศษ ถูกสุด ถ้ามีสัญลักษณ์ [P+]คือตั๋วราคาโปรโมชั่นแบบสามารถเลือกที่นั่งได้ ถ้ามีสัญลักษณ์ [4M] จะเป็นราคาโปรโมชั่นสำหรับจองพร้อมกัน 4 คนหรือ 4 ที่นั่ง 4M = 4 Mesa / Mesa แปลว่าโต๊ะค่ะ คือมันเป็นที่นั่งแบบมีโต๊ะตรงกลาง แล้วหน้าเข้าหากัน  ส่วนราคาที่มี [F] กำกับ คือราคาตั๋วแบบ Flexible คือสามารถเปลี่ยนหรือเลื่อนวันได้โดยไม่เสียค่าปรับใดใดทั้งสิ้น เราสามารถดูรายละเอียดชนิดของตั๋วแต่ละแบบได้ตอนเราเอาเม้าส์ไปจิ้มตรงประเภทตั๋วอ่ะค่ะ แล้วมันจะมี pop up คำอธิบายขึ้นมา



 5.ถ้ามีเวลาแค่ 3 วันเพื่อไปเที่ยวทางใต้ของสเปน จะวางแผนเที่ยวยังไง เดินทางยังไง และแวะที่ไหน?


ติ๊ดตี่ขอแนะนำแบบสั้นๆนะคะ รายละเอียดไปอ่านใน entry อื่นๆที่เคยรีวิวไว้ใน khuntittee.exteen.com นะคะ

วันแรก  

เช้า Madrid – Córdoba นั่งรถไฟความเร็วสูง (AVE) ออกจากมาดริดตั้งแต่เช้า ถึงกอร์โดบ้า เที่ยว Mezquita de Córdoba เป็นโบสถ์ที่ชาวคริสต์สร้างครอบมัสยิดอีกที ด้านในมัสยิดสวยและสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเลยค่ะ ใช้เวลาดูประมาณ 1-2 ชม. + ดูวิวเมือง วิวแม่น้ำ เดินเล่น 1 ชม. + กินข้าวกลางวัน

บ่าย Córdoba – Sevilla (เดินทางใช้เวลาประมาณหนึ่งชม. ออกอย่างช้าสุดไม่เกิน 13.00 เพื่อให้ถึงเซบีย่าประมาณ 14.00) เที่ยวโบถส์ Catedral de Sevilla (เปิดถึงห้าโมงเย็น) หรือ Alcázar วังแขก (ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงหน้าร้อนจะเปิดถึงหนึ่งทุ่ม) เลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือถ้าทันทั้งสองอย่างก็ดี อาจจะไปเข้าโบสถ์ก่อน แล้วค่อยมาเข้าอัลกาซาร์ ตอนเย็นไป Plaza de España เป็นพลาซ่าที่สวยมากค่ะ จริงๆตอนกลางวันก็สวย แต่ถ้าเวลาน้อยไปตอนกลางคืนก็ได้
ค้าง Sevilla

วันที่สอง Sevilla - Granada 

เช้า ถ้าวันแรกเข้าโบสถ์หรืออัลกาซ่าร์ไม่ทัน ให้มาเข้าช่วงเช้า เที่ยวที่อื่นๆที่เหลือ

บ่าย นั่งรถไฟรอบประมาณ 11.00 หรือ 12.00 ไปกรานาด้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ถึงกรานาด้าค่ะ แล้วช่วงบ่ายแก่ๆ เที่ยวในตัวเมืองกรานาด้า ในตัวเมืองหลักๆจะมีโบสถ์กับมีหลุมฝังศพกษัตริย์ (Capilla Real) ซึ่งเป็นกษัตริย์สองพระองค์ที่สำคัญมากๆในประวัติศาสตร์สเปนช่วงศตวรรษที่ 15 นั่นก็คือ Los Reyes Católicos หรือ ”กษัตริย์แคทอลิค” ซึ่งเป็นผู้ที่ให้เงินทุนสนับสนุนโคลัมบัสให้ออกเดินทางไปค้นพบโลกใหม่ นอกจากนี้ยังมีหลุมฝังศพของสมาชิกราชวงศ์อีกสอง พระองค์ด้วย คือ Juana la Loca กับ Felipe el Hermoso (ใครเคยอ่านเรื่องนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "คลั่งเพราะรัก" น่าจะคุ้นกับชื่อนี้ค่ะ) ส่วนตอนใกล้ๆพระอาทิตย์ตก ให้ขึ้นไปจุดชมวิว San Nicolas ไปดูวิวอัลลัมบร้าแบบพาโนรามาค่ะ สวยมาก
ค้าง Granada

วันที่สาม Granada - Madrid

เช้า เข้า Alhambra รอบเช้า ให้ไปตั้งแต่ 9.00 พยายามจองตั๋วรอบนี้ให้ได้ แล้วเข้า Palacio Nazaries รอบ 10.30 หรือ 11 โมง เมื่อเข้าไปแล้วให้ไปเดินโซน Generalife ก่อน แล้วค่อยเดินมา Palacio Nazaries สองส่วนนี้อยู่ไกลกันพอสมควร เดินประมาณ 20-30 นาทีถึง เสร็จแล้วมันจะมีประตูทางออกใกล้ Palacio Nazaries เลย จะได้ไม่ต้องเดินย้อนมาออกทางเดิม จากตรงนั้นจะรอรถ shuttle bus หรือนั่งแท็กซี่ลงมาตัวเมืองได้เลยค่ะ

บ่าย นั่งรถไฟออกจากกรานาด้ามามาดริดช่วงบ่ายแก่ๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชม.จะถึงมาดริดตอนดึกหน่อยค่ะ
โปรแกรมน่าจะเป็นตามนี้ค่ะ จะค่อนข้างแน่นหน่อย แต่ก็จะได้ดูจุดไฮไลท์หลักๆครบ จริงๆถ้ามีเวลาอีกซักวันสองวันก็จะเที่ยวได้เยอะขึ้นค่ะ เพราะก็ยังมีอีกหลายจุดที่สวยๆและน่าสนใจมาก อย่างในกอร์โดบ้า ก็ยังมีอัลกาซาร์หรือวังแขกอีกที่นึงที่น่าไปเที่ยว ในเซบีย่า นอกจากที่เคยลงรีวิวไว้แล้ว ก็จะมี Palacio de la Condesa de Lebrija , Setas de Sevila ส่วนกรานาด้า ในตัวเมืองไม่ค่อยมีไรมาก ถ้าไม่นับหลุมศพกษัตริย์ ไฮไลท์ทั้งหมดจะไปอยู่ที่อัลลัมบร้า และถ้ามีเวลาอีก ให้ไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านสีขาว ที่เป็นบริเวณเดียวกับจุดชมวิว San Nicolás ค่ะ



 6.ใน Sevilla นอกจากที่ที่เคยเอามาลงรีวิวไว้ มีที่ไหนที่น่าสนใจอีก?


ถ้าพอมีเวลาเที่ยวซักสามสี่วัน และถ้าสนใจเรื่องสถาปัตยกรรม ความเป็นอยู่ของขุนนางสเปนสมัยก่อน แนะนำให้ไป Palacio de la Condesa de Lebrija เป็นวังของขุนนางสมัยก่อน ที่ชอบสะสมพวกของเก่า ที่นี่มีแผ่นกระเบื้องเซรามิคปูพื้นยุคต้นศตวรรษที่ 1 ของชาวโรมัน ให้ซื้อตั๋วแบบมีไกด์นะคะ จะเข้าชั้นสองของวังได้ ส่วนตัวชอบมากเลยค่ะ ลองดูรายละเอียดในเวปนี้นะคะ  http://www.visitasevilla.es/en/lugar-interes/museo-palacio-de-la-condesa-de-lebrija 

อีกที่คือ Setas de Sevilla มันคือจุดชมวิวเมืองเซบีย่าบนประติมากรรมรูปเห็ด ไปตอนกลางคืนวิวสวยมากทีเดียวค่ะ และไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถาปัตยกรรมแนวโมเดิร์นใจกลางเมืองเก่า แถมผสมผสานกันออกมาได้อย่างลงตัวมากๆอย่างนี้ ลองดูรายละเอียดในเวปนี้นะคะ http://www.setasdesevilla.com/ en/el-mirador/

ใกล้เห็ดมีร้าน Tapas (ร้านอาหารสเปนแบบที่เป็นบาร์ แล้วเสิร์ฟอาหารเป็นจานเล็กๆ) ที่เก่าแก่ที่สุดในเซบีย่า ชื่อร้าน El Rinconcillo เปิดมาตั้งแต่ปี 1600 ปลายๆ อาหารอร่อย สเปนจ๋ามาก ราคาไม่แพง บรรยากาศดี พนักงานร้านเฟรนลี่มาก ร้านเปิด 13.30 เป็นต้นไปนะคะ ถ้าไปเช้าว่านั้นจะยังไม่เปิด ลองดูรายละเอียดในเวปนี้ได้ค่ะ http://en.elrinconcillo.es/


 7.ซื้อตั๋วเข้า Alhambra ยังไง?


การซื้อตั๋วเข้า Alhambra ควรรีบซื้อแต่เนิ่นๆนะคะ ไม่งั้นมันจะเต็มค่ะ ตั๋วมีหลายประเภท แนะนำให้ซื้อแบบ General คือที่สามารถเข้าทั้ง Generalife และ Palacio Nazaríes (Nasrid Palaces) ได้ด้วย เพราะอันหลังนี้คือไฮไลท์เลยค่ะ เวลาจองตั๋วจะต้องเลือกเวลาเข้าอีกที มันจะเป็นคนละส่วนกับเวลาเข้าของตั๋วปกตินะคะ แนะนำให้ซื้อจากเวปนี้ค่ะ เป็นเวปไซต์โดยตรง ไม่มีเสียค่านายหน้าค่ะ http://www.ticketmaster.es/nav/landings/en/mucho_mas/entradas_alhambra/entradas.html?utm_campaign=ALH-weboficial&utm_source=alhambra-tickets.es&utm_medium=link&canalMB=ALH จริงๆมีอีกหลายเวปที่ซื้อตั๋วได้ แต่จะเป็นเวปนายหน้าที่แพงกว่าปกติ หรือไม่ก็เป็นแบบมีไกด์


8.เที่ยว Barcelona ควรใช้เวลากี่วัน เดิน หรือนั่ง city tour? 

จริงๆขึ้นอยู่กับความสนใจนะคะ คือบาร์เซมีที่ให้เที่ยวเยอะมาก แต่ถ้าเอาหลักๆก็ซักสองวันเต็มๆหรือสามวันแบบสบายๆก็ดูครบค่ะ ถ้านั่ง city tour ก็ดี มี 2 route สะดวกตรงเค้าไปส่งถึงที่ ไม่หลงแน่ ไปครบทุกที่แน่ แต่ราคาค่อนข้างโหดมาก 555 ถ้าซื้อแบบสองวันราคาต่อวันจะถูกลงค่ะ ตอนติ๊ดตี่ไป ก็เดินเอาบ้าง นั่งรถไฟใต้ดินบ้าง รถไฟใต้ดินที่บาร์เซนี่ก็เป็นแหล่งชุมนุมโจรล้วงกระเป๋านะคะ ระวังให้มากๆ (ฮา) ระยะทางระหว่างแต่ละที่ท่องเที่ยวค่อนข้างไกลนะคะ แต่พอเดินได้ อย่างในเมือง เดินได้หมดเลยตั้งแต่บ้าน Gaudi ทั้งสองหลัง, ถนน Passeig de Gracia, ถนน Las Ramblas ไปจนถึงบริเวณริมทะเล ไปจนถึงขึ้นเขา Montjuic ได้เลย ยกเว้น Sagrada Familia กับ Parc Qüell ที่จะฉีกห่างออกไปจากใจกลางเมือง ต้องนั่งเมโทรไปค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพักที่ไหนด้วยค่ะ



9.ถ้าอยากมาเที่ยวสเปนแบบเอาให้ครบทุกไฮไลท์ควรใช้เวลากี่วัน?

จริงๆ เที่ยวเดือนนึงยังได้เลยนะคะ (ฮา) แต่ว่าเข้าใจว่าแต่ละคนก็น่าจะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาและงบประมาณในการมาเที่ยว ถ้าจะให้แนะนำอย่างน้อยๆควรมีซัก 10 วันนะคะ จะเที่ยวได้แบบสบายๆหน่อย ไม่รีบร้อน และเก็บเมืองหลักๆที่สำคัญของสเปน ได้ดูศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลาย Route ท่องเที่ยวหลักๆแบ่งได้คร่าวๆเป็นสามโซน โซนแรกคือ Madrid + Toledo + Segovia ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 3 วัน โซนที่สองคือโซนทางใต้ ประกอบด้วย Córdoba + Sevilla + Granada ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 4 วัน และโซนสุดท้าย คือ Barcelona ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 3 วันค่ะ

ถ้ามีเวลาเพิ่มเติม ลองไปเที่ยวทางเหนือของสเปนดูค่ะ Bilbao + San Sebastián ทางเหนือสวย สะอาด บรรยากาศดี และอาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะ San Sebastián เป็นเมืองที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดในสเปนเลยค่ะ

ลงมากลางๆประเทศหน่อย แนะนำ Zaragoza, Cuenca, Valencia ทั้งสามเมืองนี้นั่งรถไฟความเร็วสูง (AVE) ไปได้ค่ะ

ทางใต้ยังมีเมืองที่น่ารักน่าเที่ยวอย่าง Ronda, Málaga, Cádiz ถ้าอยากไปจุดใต้สุดของทวีปยุโรป ก็ให้ไปที่เมือง Tarifa ค่ะ จากตรงนั้นมองเห็นชายฝั่งประเทศโมรอคโคด้วยค่ะ ติ๊ดตี่เคยลงรีวิวทั้ง 4 เมืองไว้แล้วนะคะ


10. ที่ชอบปิ้งในมาดริดมีที่ไหนบ้างที่แนะนำ?  

ในมาดริด แถวๆ Sol, ถนน Gran Vía ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมือง ย่านท่องเที่ยวนี่เดินได้หมดเลยค่ะ มีร้านเสื้อผ้า ZARA, MANGO, H&M, CAMPER, REAL MADRID OFFICIAL SHOP และร้านอื่นๆเยอะมาก ถ้าชอบแบรนด์เนมไฮเอนด์ แนะนำให้ไปห้างที่ชื่อ El Corte Inglés สาขา Castellana เป็นห้างที่รวบรวมแบรนด์ดังและแบรนด์หรูทั้งของสเปนและของต่างประเทศ ประมาณพารากอนหรือเอ็มโพเรียมบ้านเราอ่ะค่ะ นักท่องเที่ยวจะมาซื้อของที่นี่กันเยอะมาก ขนาดที่ว่าห้างเค้ามีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษและภาษาจีนไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเลยค่ะ มาที่เดียวมีทุกแบรนด์ ถ้าอยากจะซื้อพวกกระเป๋าแบรนด์เนม Louis Vuitton, Prada, Loewe เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า รองเท้าหนัง ที่นี่มีหมดค่ะ ที่ตั้งก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกันกับที่จะไปสนามบอลของเรอัลมาดริดนะคะ ห่างกันสถานีรถไฟใต้ดินป้ายเดียวค่ะ ลองดูที่ตั้งตามนี้นะคะ

ส่วนย่านชอปปิ้งแบรนด์เนมแบบที่เป็น store ตั้งอยู่ริมถนน ให้ไปที่ถนน Serrano ค่ะ เป็นย่านที่มีร้าน Louis Vuitton, Prada, Gucci, Chanel, Dior, Loewe แถวนี้เป็นย่านไฮโซอยู่แล้วค่ะ

อีกถนนชอปปิ้งที่มีร้านเสื้อผ้าชิคๆ และแบรนด์นอกอย่าง DIESEL, LEVI's, FOSSIL, MUJI, ONITSUKA TIGER, แบรนด์นอกราคากลางๆ และแบรนด์สเปนอื่นๆ คือ ถนน Fuencarral ค่ะ ปากถนนอยู่ติดกับถนน Gran Vía เลยค่ะ ถ้าเดินมาชอปแถวนี้แล้วหิว แนะนำร้านอาหารอิตาเลียน La Nicolleta กับร้านขนม La Harina ค่ะ อร่อยทั้งคู่เลยค่ะ


หวังว่าคำถาม-คำตอบที่ติ๊ดตี่ลิสต์ไว้ 10 ข้อนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังแพลนว่าอยากจะมาเที่ยวสเปนนะคะ ยังไงก่อนจะมาเที่ยว แนะนำให้หาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน จะได้ไม่มางงเอาที่นี่นะคะ เพราะคนสเปนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ค่ะ 

เที่ยวสเปน...ไม่ยากและไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ Embarassed

ขอปิดท้ายด้วยภาพบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิที่มาดริดค่ะ